สิ่งที่ควรทำเมื่อได้รับการแจ้งเตือนว่ามี AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้อยู่กับคุณ
AirTag ช่วยให้คุณติดตามสิ่งของต่างๆ เช่น กุญแจ กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าถือ กระเป๋าเป้ กระเป๋าเดินทาง และอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เพียงตั้งค่าด้วย iPhone หรือ iPad แล้วติดเข้ากับสิ่งของของคุณ เท่านี้ AirTag ก็จะแสดงขึ้นในแถบสิ่งของในแอปค้นหาของฉัน
AirTag และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมอุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน รวมทั้ง AirPods บางรุ่นซึ่งได้แก่ AirPods (รุ่นที่ 3), AirPods Pro และ AirPods Max ต่างก็สามารถใช้เครือข่ายค้นหาของฉันเพื่อช่วยคุณติดตามและค้นหาสิ่งของต่างๆ ของคุณ* หลังจากที่คุณตั้งค่าอุปกรณ์ที่รองรับคุณสมบัตินี้เสร็จแล้ว อุปกรณ์ดังกล่าวจะแสดงในแถบอุปกรณ์หรือสิ่งของในแอปค้นหาของฉัน
AirTag, AirPods และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ในเครือข่ายค้นหาของฉันมีคุณสมบัติป้องกันการติดตามที่ไม่พึงประสงค์ คุณไม่ควรใช้อุปกรณ์เหล่านี้เพื่อติดตามแกะรอยผู้อื่น และไม่ควรใช้เพื่อติดตามทรัพย์สินที่ไม่ใช่ของคุณ การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพื่อติดตามแกะรอยผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมถือเป็นความผิดทางกฎหมายในหลายประเทศและภูมิภาคทั่วโลก หากพบว่ามีการใช้ AirTag, ชุด AirPods หรืออุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันเพื่อติดตามผู้อื่นโดยมิชอบ สามารถขอข้อมูลทั้งหมดที่มี
AirTag, AirPods หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ ในเครือข่ายค้นหาของฉันออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวเมื่อคุณใช้อุปกรณ์เหล่านั้นในการติดตามสิ่งของสำคัญต่างๆ โดยแต่ละชิ้นจะมีตัวระบุบลูทูธที่ไม่ซ้ำกันซึ่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เครือข่ายค้นหาของฉันใช้การเข้ารหัสแบบต้นทางถึงปลายทาง และสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับค้นหาของฉันและความเป็นส่วนตัว
เพื่อป้องกันการใช้อุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธในทางที่ผิด Apple และ Google ได้ร่วมมือกันเพื่อสร้างข้อกําหนดอุตสาหกรรมที่ทำให้สามารถแจ้งเตือนผู้ใช้ทั้ง iOS และ Android หากมีการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อติดตามโดยไม่รู้ตัว วิธีนี้จะช่วยบรรเทาการใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยติดตามสิ่งของในทางที่ผิด
การแจ้งเตือนการติดตามสำหรับอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ต้องใช้ iOS 17.5 หรือใหม่กว่า และ iPadOS 17.5 หรือใหม่กว่า
การติดตามที่ไม่พึงประสงค์
หากพบว่ามี AirTag, AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ที่ไม่อยู่กับเจ้าของ แต่กลับเคลื่อนที่ไปกับคุณ ระบบจะแจ้งให้คุณทราบโดยใช้หนึ่งในสองวิธีที่มี คุณสมบัติเหล่านี้เจาะจงออกแบบมาเพื่อกีดกันไม่ให้ผู้อื่นติดตามคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว
หากคุณมี iPhone หรือ iPad การแจ้งเตือนการติดตามจะส่งการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์ Apple ของคุณ คุณสมบัตินี้สามารถใช้งานได้ใน iOS หรือ iPadOS 14.5 หรือใหม่กว่า หากต้องการรับการเตือน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทำดังนี้
ไปที่การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง แล้วเปิดบริการหาตำแหน่งที่ตั้ง
ไปที่การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง > บริการของระบบ เปิดค้นหา iPhone ของฉัน
ไปที่การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง > บริการของระบบ เปิดตำแหน่งที่ตั้งสำคัญเพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อคุณมาถึงตำแหน่งที่ตั้งสำคัญ เช่น บ้านของคุณ
ไปที่การตั้งค่า > บลูทูธ แล้วเปิดบลูทูธ
ไปที่การตั้งค่า > การแจ้งเตือน > การแจ้งเตือนการติดตาม จากนั้นเปิดอนุญาตการแจ้งเตือน
ปิดโหมดเครื่องบิน หากอุปกรณ์ของคุณอยู่ในโหมดเครื่องบิน คุณจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนการติดตาม
AirTag, เคสชาร์จ AirPods Pro (รุ่นที่ 2) หรืออุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของเป็นระยะเวลาหนึ่งจะส่งเสียงเมื่อมีการเคลื่อนย้าย
หากคุณพบ AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ที่ไม่รู้จัก ให้ใช้ขั้นตอนด้านล่างเพื่อเรียนรู้ ค้นหา และปิดใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าว
หากคุณเห็นการเตือน
หากคุณเห็นการเตือนข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้บน iPhone หรือ iPad ของคุณ แสดงว่าอาจมีอุปกรณ์ที่รองรับเครือข่ายค้นหาของฉันหรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้กำลังติดตัวไปกับคุณ และเจ้าของอาจมองเห็นตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ได้
เป็นไปได้ว่า AirTag หรืออุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันดังกล่าวอาจติดอยู่กับสิ่งของที่คุณยืมมา หรือคุณอาจได้รับการเตือนนี้หากคุณขอยืม AirPods ของผู้อื่นมาใช้ หากคุณยืม AirTag หรืออุปกรณ์อื่นที่รองรับเครือข่ายค้นหาของฉันมาจากสมาชิกอื่นในกลุ่มการแชร์กันในครอบครัวเดียวกันกับที่คุณอยู่ คุณจะสามารถปิดการเตือนของอุปกรณ์นั้นได้นานหนึ่งวัน หรือจะปิดโดยไม่มีกำหนดก็ได้
หากมี AirTag ที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของเคลื่อนที่ไปพร้อมกับคุณเป็นระยะเวลาหนึ่ง หรือหาก iPhone ของคุณปลดล็อกหน้าจออยู่และ AirTag ที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของเป็นระยะเวลาหนึ่งส่งเสียงบอกว่ามีการเคลื่อนไหว ระบบจะแสดงข้อความแจ้งว่า "พบ AirTag เคลื่อนที่ไปกับคุณ"
ค้นหาของฉันแสดงแผนที่ตำแหน่งที่พบว่ามี AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้อยู่กับคุณ จุดสีแดงจะแสดงจุดที่ตรวจพบอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักใกล้กับ iPhone หรือ iPad องคุณ เส้นประที่ลากเชื่อมจุดสีแดงจะช่วยระบุลำดับของจุดต่างๆ ที่ตรวจพบว่าอุปกรณ์นั้นอยู่กับคุณ ทั้งนี้จุดสีแดงไม่ได้บ่งชี้ว่าเมื่อใดบ้างที่เจ้าของอุปกรณ์เปิดดูตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์
หากพบว่ามี AirPods ที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของเคลื่อนที่ไปจุดต่างๆ พร้อมกับคุณ การเตือนเหล่านี้จะแสดงข้อความแจ้งว่า “ตรวจพบ AirPods”, “ตรวจพบ AirPods Pro” หรือ “ตรวจพบ AirPods Max”
หากอุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ซึ่งไม่อยู่กับเจ้าของเคลื่อนไหวไปพร้อมกับคุณเมื่อเวลาผ่านไป การแจ้งเตือนนี้จะปรากฏขึ้น: พบ "ชื่อผลิตภัณฑ์" เคลื่อนที่ไปกับคุณ (โดยที่ "ชื่อผลิตภัณฑ์" คือชื่อของอุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันหรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธซึ่งตรวจพบ)
หากตรวจพบชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ แต่แอปค้นหาของฉันประสบปัญหาในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เหล่านั้นหรือกับเซิร์ฟเวอร์ในเวลานั้น การเตือนนี้จะแสดงข้อความแจ้งว่า “ตรวจพบอุปกรณ์เสริมที่ไม่รู้จัก” การเตือนนี้จะแสดงขึ้นเฉพาะเมื่อตรวจพบชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ที่อยู่ใกล้คุณ ไม่ใช่ AirTag โดยอุปกรณ์เหล่านี้อาจเป็น AirPods ที่คุณยืมมา หรือ AirPods ที่เพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวทิ้งไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ
ค้นหา AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้
หากคุณได้รับการแจ้งเตือนว่า AirTag, ชุด AirPods, , อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้กําลังติดตัวไปกับคุณ ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อค้นหา ขั้นแรก ให้ตรวจสอบแอปค้นหาของฉันเพื่อดูว่าคุณสามารถเล่นเสียงบนอุปกรณ์เสริมที่ไม่รู้จักได้หรือไม่ โดยทำดังนี้
แตะที่การเตือน
แตะดำเนินการต่อ จากนั้นแตะเล่นเสียง
ฟังดูว่ามีเสียงดังขึ้นมาหรือไม่ คุณสามารถเล่นอีกครั้งได้หากต้องใช้เวลามากขึ้นในการค้นหาอุปกรณ์
หากไม่สามารถใช้ตัวเลือกเล่นเสียงได้ แสดงว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้อยู่กับคุณอีกต่อไปแล้ว หรือหากอุปกรณ์อยู่กับคุณข้ามคืน ตัวระบุอาจเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว แอปค้นหาของฉันจะใช้ตัวระบุนี้เพื่อพิจารณาว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นชิ้นเดียวกับที่เคลื่อนที่ไปพร้อมกับคุณหรือไม่ หากอุปกรณ์อยู่ในขอบเขตสัญญาณของเจ้าของ คุณจะไม่สามารถเล่นเสียงได้เช่นกัน
หากอุปกรณ์เสริมที่ไม่รู้จักคือ AirTag และคุณมี iPhone รุ่นที่รองรับอัลตร้าไวด์แบนด์ คุณยังสามารถแตะ “ค้นหาใกล้เคียง” เพื่อใช้คุณสมบัติค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริงเพื่อช่วยคุณระบุตำแหน่ง AirTag ที่ไม่รู้จัก
แตะที่การเตือน
แตะดำเนินการต่อ จากนั้นแตะค้นหาสถานที่ใกล้เคียง
ปฏิบัติตามคำแนะนำบนหน้าจอแล้วเคลื่อนที่ไปรอบๆ จนกว่า iPhone จะเชื่อมต่อกับ AirTag ที่ไม่รู้จัก
iPhone ของคุณแสดงระยะทางและทิศทางไปยัง AirTag ที่ไม่รู้จัก ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเข้าใกล้ AirTag ที่ไม่รู้จักมากขึ้นจนกว่าจะพบสิ่งของที่หาอยู่
เมื่อ AirTag อยู่ในระยะบลูทูธของ iPhone คุณสามารถเล่นเสียงบน AirTag ได้โดยแตะ
หาก iPhone คุณบอกว่าต้องมีแสงมากกว่านี้ ให้แตะ
เมื่อเสร็จแล้ว ให้แตะ
หากไม่สามารถใช้ตัวเลือกเล่นเสียงได้ หรือหากคุณเล่นแล้วแต่ไม่ได้ยินเสียง หรือหากคุณหาอุปกรณ์ไม่ได้ด้วยการค้นหาอย่างแม่นยำ และคุณเชื่อว่าอุปกรณ์นั้นยังอยู่กับคุณ ให้ค้นดูสิ่งของต่างๆ ของคุณเพื่อพยายามหาอุปกรณ์นั้น ค้นที่ตัวคุณหรือในสิ่งของใดๆ ก็ตามที่อยู่กับคุณที่อาจมีอุปกรณ์นี้ โดยอาจจะเป็นสิ่งที่คุณไม่ได้ตรวจดูบ่อยๆ เช่น กระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต ช่องใส่ของด้านนอกสุดของกระเป๋าสะพาย หรือในรถของคุณ หากคุณหาอุปกรณ์ดังกล่าวไม่พบและหากรู้สึกไม่ปลอดภัย ให้ไปสถานที่สาธารณะที่ปลอดภัยและติดต่อเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย
หากคุณได้ยินเสียง AirTag, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้
เพื่อแจ้งเตือนผู้คนในบริเวณใกล้เคียง AirTag, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ซึ่งไม่อยู่กับเจ้าของเป็นระยะเวลาหนึ่งจะส่งเสียงเมื่อเคลื่อนย้าย
รับข้อมูลหรือปิดใช้งาน AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้
หากคุณพบ AirTag ที่ไม่รู้จัก คุณสามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับ AirTag ดังกล่าวหรือปิดการทำงานได้
หากคุณพบ AirTag ให้ถือ iPhone หรือสมาร์ทโฟนที่รองรับ NFC ให้ตัวเครื่องด้านบนอยู่ใกล้กับฝั่งสีขาวของ AirTag จนกว่าจะมีการแจ้งเตือนปรากฏขึ้น
แตะการแจ้งเตือน แล้วเครื่องจะเปิดเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ AirTag ดังกล่าวขึ้นมา โดยจะระบุหมายเลขประจำเครื่องและตัวเลขสี่หลักสุดท้ายของหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ที่ลงทะเบียน AirTag นั้น ซึ่งอาจช่วยให้คุณระบุตัวเจ้าของได้ หากคุณรู้จักเจ้าของ คุณสามารถถ่ายภาพหน้าจอ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้บันทึกข้อมูลไว้แล้ว
หากเจ้าของทำเครื่องหมายว่า AirTag นี้สูญหายอยู่ คุณอาจเห็นข้อความพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีติดต่อเจ้าของ
หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ที่ไม่อยู่กับเจ้าของ ให้เลื่อนลงไปด้านล่างของแถบสิ่งของ แล้วแตะ “ระบุสิ่งของที่พบ”
หากคุณต้องการดูรายการ AirTag, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ทั้งหมดที่คุณได้รับการแจ้งเตือนถึง ให้เปิดแอปค้นหาของฉันบน iPhone หรือ iPad ของคุณ แตะ "สิ่งของ" เลื่อนลงมาที่ด้านล่างสุด แล้วแตะพบสิ่งของอยู่กับคุณ สิ่งของที่เพิ่งกระตุ้นให้ระบบส่งการแจ้งเตือนการติดตามที่ไม่พึงประสงค์จะแสดงในรายการนี้ หากไม่สามารถใช้ตัวเลือกเล่นเสียงได้ แสดงว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้อยู่กับคุณอีกต่อไปแล้ว อาจอยู่ใกล้เจ้าของ หรือหากอุปกรณ์อยู่กับคุณข้ามคืน ตัวระบุอาจเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว
หากต้องการปิดใช้งาน AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ และทำให้อุปกรณ์หยุดแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง ให้แตะวิธีปิดใช้งานแล้วทำตามขั้นตอนบนหน้าจอ หลังจาก AirTag, ชุด AirPods, อุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉัน หรืออุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้ถูกปิดใช้งานแล้ว เจ้าของจะไม่สามารถรับการอัปเดตเกี่ยวกับตำแหน่งปัจจุบันได้อีกต่อไป และคุณยังจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนถึงการติดตามที่ไม่พึงประสงค์สำหรับอุปกรณ์นี้อีกต่อไป
คำแนะนำในการปิดใช้งานและข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งบลูทูธที่ใช้ร่วมกันได้จะมาจากเครือข่ายเครื่องมือค้นหาที่เกี่ยวข้องและจะไม่ได้รับการรับรองจาก Apple รูปภาพ คำแนะนำ และคำอธิบายของผลิตภัณฑ์อาจไม่มีให้บริการหรืออาจไม่พร้อมใช้งานในบางภาษา
หากคุณรู้สึกไม่ปลอดภัย ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายซึ่งจะสามารถประสานงานกับ Apple เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ดังกล่าวได้ คุณอาจต้องส่งมอบ AirTag, ชุด AirPods หรืออุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันให้เจ้าหน้าที่ และแจ้งหมายเลขประจำเครื่อง
การปิดใช้งานเครือข่ายค้นหาของฉันบนอุปกรณ์ของคุณ ปิดบลูทูธ หรือปิดบริการหาตำแหน่งที่ตั้งบน iPhone ของคุณไม่ได้ทำให้เจ้าของ AirTag, AirPods หรืออุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันดังกล่าวมองไม่เห็นตำแหน่งที่ตั้งของ AirTag หรืออุปกรณ์เสริมนั้น คุณต้องปิดการทำงานของอุปกรณ์นั้นตามคำแนะนำด้านบน
ค้นหา AirTag หรืออุปกรณ์เสริมในเครือข่ายค้นหาของฉันด้วยอุปกรณ์ Android
หากคุณใช้อุปกรณ์ Android คุณสามารถดาวน์โหลดแอป Tracker Detect จาก Google Play Store Tracker Detect จะค้นหาอุปกรณ์ติดตามสิ่งของภายในขอบเขตสัญญาณบลูทูธที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของ โดยที่อุปกรณ์นั้นต้องรองรับเครือข่ายค้นหาของฉันของ Apple ซึ่งรวมถึง AirTag และอุปกรณ์ติดตามสิ่งของที่รองรับและใช้เครือข่ายค้นหาของฉัน หากคุณคิดว่ามีคนใช้ AirTag หรืออุปกรณ์ติดตามสิ่งของอื่นๆ เพื่อหาตำแหน่งของคุณ ก็สามารถลองสแกนหาดูได้ หากแอปตรวจพบ AirTag หรืออุปกรณ์ติดตามสิ่งของที่รองรับอยู่ใกล้คุณอย่างน้อย 10 นาที คุณสามารถทำให้ส่งเสียงเพื่อช่วยระบุตำแหน่งได้
ไปที่ Google Play เพื่อดาวน์โหลดแอป Tracker Detect
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
หากคุณรู้สึกไม่ปลอดภัย แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับคุณ
ในสหรัฐอเมริกา: Safety Net Project โดย National Network to End Domestic Violence และ National Center for Victims of Crime
ในสหราชอาณาจักร: Refuge UK
ในออสเตรเลีย: WESNET Safety Net Australia
* เครือข่ายค้นหาของฉันไม่รองรับในเกาหลีใต้
การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผลิตโดย Apple หรือเว็บไซต์อิสระที่ Apple ไม่ได้ควบคุมหรือทดสอบไม่ถือเป็นการแนะนำหรือการรับรองใดๆ Apple จะไม่รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเลือก ประสิทธิภาพการทำงาน หรือการใช้งานเว็บไซต์หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่น Apple ไม่รับรองความถูกต้องหรือความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ของบริษัทอื่น โปรดติดต่อผู้จำหน่ายหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม