How is Token X? A Reflection from the Inside
How is Token X? A Reflection from the Inside
Story by Khun Ukrit, Business & Product Development Team
.
.
วันก่อนมีน้องที่รู้จักมาสมัครเข้าร่วมทีมในตำแหน่ง Technical PO ของบริษัท Token X ผมเองก็ไม่ได้อยู่ในฐานะคนสัมภาษณ์ หรือคนตัดสินใจรับหรือไม่รับน้องเค้า
แต่เมื่อเค้าได้รับ offer จากทางบริษัท น้องก็ได้แชทส่วนตัวมาถาม ว่า #บริษัทเป็นยังไงบ้าง คุยกันไปครึ่งชั่วโมงแล้วก็รู้สึกว่า เออนี่มันก็เป็นช่วงเกือบครึ่งปีพอดีที่ย้ายมาที่นี่ การได้คุยกับน้องเรื่องบริษัทก็ถือเป็นการตกผลึกสิ่งที่ผ่านมาในปีนี้ และก้าวถัดไปของตัวเราเองที่อยู่ที่ Token X เหมือนกัน เลยอยากบันทึกสิ่งที่คุยกับน้องเค้าไว้หน่อย
╔═══════════╗
บรรยากาศภายในบริษัทเป็นยังไงบ้าง ทั้งเพื่อนร่วมงาน และ Team Lead
╚═══════════╝
รู้สึกว่าทุกคนเข้าถึงได้ง่ายมาก ไม่ถือตัว ด้วยอาจเพราะในช่วงแรกเราทำงานแบบ Work From Home กันเกือบครึ่งปี ตอนเจอกันครั้งแรกๆก็เลยมีเขินกันบ้าง แต่ช่วงตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมาตอนได้มาเจอทุกคนในออฟฟิศ รู้สึกสนิทกันได้เร็วมาก เหมือนช่วงท้ายปีสะสมการไม่เจอกันมาตลอดครึ่งปี เลยไปสังสรรค์กันแทบทุกอาทิตย์ ซึ่งทำให้คนในทีมที่เข้ามาใหม่ไม่กี่วันสนิทสนมกันได้เร็วเหมือนกับอยู่กันมาครึ่งปีแล้ว
คนในทีมส่วนใหญ่จะอายุเฉลี่ยประมาณ 27 +- 5 ทุกคนเลยมีความเป็นเพื่อนกัน มากกว่าเพื่อนร่วมงาน ทำให้บรรยากาศที่เจอทุกวันเหมือนมาทำ senior project คือทุกคนก็มีจุดมุ่งหมายของตัวเอง และรวมไปถึงการแชร์ความรู้ก็เกิดขึ้นตลอด ใครติดอะไรก็ถามกันได้ ทำให้รู้สึกว่าทุกคนกำลังเดินไปพร้อมๆกัน
ในส่วนของพี่ๆ ในทีม บอกตามตรงว่าเป็นพี่ที่เข้าถึงง่ายมาก Flat Organization สุดๆ ขั้นเดียวถึง C Level ได้ทันที ทุกคนต่อกับ C Level ได้ และพี่ๆทุกคนไม่ถือตัว สังสรรค์ด้วยกัน ทำงานก็นั่งข้างกันตลอด มีปัญหาขอแค่บอก พี่ๆก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ และแนะนำอย่างเป็นกันเอง พี่ทุกคนทำงานหนัก และพยายามเข้าถึงน้องๆทุกคนมาก แต่ถ้าในเรื่อง Performance แม้ว่าทุกคนใจดี แต่ก็มีการประเมินผลอย่างตรงไปตรงมา ผิดก็ว่าไปตามผิด การประเมินก็จะตาม Step ของ Start up คือมี OKR ราย Quarter ว่าแต่ละคนต้องโฟกัสอะไรบ้าง ซึ่งก็ปรับ expectation กันตั้งแต่ตอนคุย แล้วก็มี one on one ทุกเดือน กับผู้ประเมิน (อันนี้แล้วแต่ทีม)
╔═══════════╗
งานเครียดไหม ปกติทำไรกันบ้างนอกจาก scope งานของตัวเอง
╚═══════════╝
ต้องบอกว่างานไม่ได้กดดันตลอดเวลา แต่ก็ต้องทำตาม Timeline ที่คุยไว้ ถ้ามันจะหลุดก็ต้องระบุเหตุผลที่ชัดเจนและ Make Sense ตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ถ้าบอกว่าเราต้องปรับตัวเยอะไหม ก็เป็นงานที่ปรับตัวตลอด ทั้งลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่รูปแบบธุรกิจต่างกัน ทั้งเทคโนโลยีใหม่แทบทุกเดือน คนมาลงทุนควรเป็นใคร ความต้องการเป็นยังไงก็ยังไม่ชัดนัก เหมือนต้องเรียนรู้ตลอดเวลา
กิจกรรมส่วนกลางก็ทำให้ตามเทรนของโลก Blockchain ได้ทัน เช่น Token X weekly session ที่เรามาเจอกันและเอาความรู้ของทุกทีมมาแบ่งกัน บางทีก็มีแชร์ Technical Knowledge เรื่อง Encryption Method, Private Key vs Public Key หรือบางทีก็มี GameFi, DeFi, NFT มาแชร์กันว่ามีอะไรใหม่ๆ บ้างในแต่สัปดาห์ และวิเคราะห์แต่ละอัน Tokenomic เป็นยังไง (Non Financial Advise )
แล้วที่เจ๋งไปอีกขั้น คือจะมี Knowledge Sharing Session แบบเป็นจริงเป็นจังด้วย เป็น Session ที่ได้ความรู้เต็มกระเป๋าเลย มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ จะมาวิเคราะห์ว่าทำไมคนถึงสนใจ ลักษณะการทำงานของ Protocol ใหม่ๆ หรือ Metaverse ของแต่ละ Platform ต่างกันยังไง Focus ที่เรื่องอะไรบ้าง ก็จะรวมอยู่ใน Session นี้หมดเลย แต่อันนี้ก็แล้วแต่ช่วง จะไม่ได้มีทุกสัปดาห์ โดยเฉลี่ยน่าจะเดือนละ 2 ครั้ง
ทุกวันพฤหัสก็จะมีข้าวฟรี คนในบริษัทก็จะมาเยอะเป็นพิเศษ และเย็นวันนั้นก็อาจจะมีกินข้าวสังสรรค์กัน อาหารอร่อยถูกปาก ส่วนพวกขนมนมเนยก็มีเติมตลอดทุกวัน บางคนถึงกับมากินข้าวเช้า(โยเกิร์ต) ที่ออฟฟิศ
กิจกรรมอื่นๆ หลังเลิกงานบอกตามตรงว่าแล้วแต่ช่วง บางช่วงก็ไม่ค่อยมีเนื่องจากไม่มีเวลาเลิกงาน (แหะๆ) แต่ถ้าช่วงไหนงานไม่ได้รีบร้อน ก็มีไปตีแบต สั่งข้าวมาเย็นมากินกัน
╔═══════════╗
Career Path เป็นยังไงบ้าง การเติบโตเป็นยังไง
╚═══════════╝
ความรับผิดชอบของแต่ละคนในบริษัทค่อนข้างชัดเจน คือเราจะนึกออกว่าเรื่องนี้ใครดูแล ต้องติดต่อใครก่อน ซึ่งความใหญ่เล็กของเรื่องที่ดูแลก็แล้วแต่คน มีการประเมินและ one on one เกิดขึ้นบ่อย และพี่ๆในทีมก็ให้ความสำคัญ และเราก็มองเห็นจากบริษัทในกลุ่มก็มีการขยับขยายกันอย่างต่อเนื่อง เพราะอย่างที่เรารู้กันว่า Digital Asset มันเป็นอะไรที่ใหม่ และ ขยายกันเร็วมาก 1 เดือนเร็วเหมือน 1 ปี ฉะนั้นแล้วเราก็เชื่อว่าหากเราตั้งใจทำอย่างดีที่สุดและไม่หยุดเรียนรู้ โอกาสมันจะเข้ามาหาเราแน่นอน
╔═══════════╗
Company Direction เป็นยังไงบ้าง บริษัทไปในทิศทางไหน
╚═══════════╝
เนื่องจากบริษัทเพิ่งตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องสำคัญของปีที่ผ่านมาคือการสร้างฐานของบริษัทให้แข็งแรง ซึ่งหลักๆก็โฟกัส 3 เรื่อง คือเรื่อง License, Business และ Resources
ซึ่งตอนนี้ก็ยังเน้นเรื่องคนอยู่ ซึ่งขอบอกเลยว่าพี่ๆคัดกันละเอียดมาก สัมภาษณ์หลายคน แต่ก็คัดออกหลายคนมาก อาจจะเน้นเรื่องทัศนคติที่ต้องเข้าใจว่าบริษัทกำลังเพิ่งเริ่มก่อตั้ง คนที่มาคือคนที่พร้อมวิ่ง ไม่ใช่แค่ทักษะแต่เป็นเรื่อง mindset ด้วย ซึ่งสำคัญมาก เพราะเราเป็นบริษัทใหม่ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ แค่เริ่มมาก็รู้แล้วว่าทุกอย่างคือวิ่งเร็วหมด ทั้งเทคโนโลยีและคู่แข่ง คนทำงานจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำหลายอย่าง ประเมินไม่ได้ว่าจะเจออะไรบ้างในแต่ละโปรเจค แต่ต้องพร้อมรับและจัดการอยู่ตลอด ความยืดหยุ่นจึงสูงมาก ซึ่งคนที่จะมาก็ต้องเข้าใจส่วนนี้ด้วย
ส่วนเรื่อง Business Direction จากปีที่แล้วคือการสร้างฐาน ปีนี้ก็ต้องเริ่มวิ่งแล้ว ต้องหาทั้งดีลต้องเตรียม Infra ของระบบที่จะรองรับลูกค้า จุดเริ่มต้นของปีนี้เลยเป็นการรับคนอีก เพื่อรับงานที่จะต้องวิ่งปีหน้า ตอนนี้บริษัทเลยเปิดรับทั้ง QA, Senior Full Stack Engineer, Technical PO เพื่อรับงานต้นปี (ใครจะสมัครส่ง CV มาได้เลยนะครับที่ join@tokenx.finance)
คำถามนึงที่พี่ที่เป็น Head People Team ที่ SCB10X ถามจะเข้าคือ จากบริษัท SCB การที่มา SCB10X หรือ Token X คือการมาลองของใหม่ที่อาจจะเวิคหรือไม่เวิคก็ได้ ซึ่งถ้าไม่เวิคเราโอเคสำหรับผลลัพธ์ไหม? จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ยังคิดว่า คลื่นลูกนี้ยังไงก็ต้องมา ศัพท์ใหม่เกิดรายวัน Web 3.0, Metaverse, Gamefi ทางที่ดีที่สุดคือเข้าคลื่นลูกนี้ให้ทัน ตัวเราเองไม่ถนัดการลงทุน อ่านเอกสารไม่เข้าใจ ต้องทำเท่านั้น เลยลงแรงเข้ามา ผลลัพธ์อย่างเดียวที่มั่นใจคือเราต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้ได้ เข้าใจตลาดและเทคโนโลยีนี้ และหา Use Case เจ๋งๆ ให้ได้ และหวังว่าในอนาคตมองกลับมาสิ่งนี้จะมีประโยชน์
ถ้าใครอยากจะ Join กับ Token X ยังไงก็ส่ง CV มาได้นะ ที่ join@tokenx.finance เรารอคุณอยู่ This is a once in a Lifetime opportunity, don't miss it!