จุดสูงสุดของวัฒนธรรมมวริช | กรานาดา

"กรานาดา" ในภาษาสเปนหมายถึง "ทับทิม" ดังนั้นทับทิมจึงกลายเป็นสัญลักษณ์และตราสัญลักษณ์ของกรานาดา ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วเมือง ชื่อของเมืองอาจมาจากต้นทับทิมที่ขึ้นอยู่ทั่วไปในเมือง หรืออาจเป็นการถอดเสียงจากชื่อ Karnattah ของชาวอาหรับ ⛺ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม: 1. พระราชวังอัลฮัมบรา เป็นพระราชวังของอาณาจักรกรานาดาในยุคกลางของชาวมวริช ในสเปน หลังจากที่ชาวมวริชถูกขับไล่ออกจากสเปนในปี 1492 สิ่งปลูกสร้างเริ่มถูกทอดทิ้ง จนกระทั่งในปี 1828 ได้มีการบูรณะและสร้างขึ้นใหม่เป็นเวลานาน จึงกลับมามีสภาพเหมือนเดิม พระราชวังอัลฮัมบราแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มอาคาร โดยส่วนที่สำคัญที่สุดคือพระราชวังนาเซอริด หากขึ้นไปยังหอคอยชมวิวด้านตะวันตกสุด จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพทั้งหมดของเมืองกรานาดาที่มีมหาวิหารเป็นจุดศูนย์กลาง 2. อัลบัยซีน เป็นย่านที่มีเอกลักษณ์แบบอาหรับในกรานาดา แคว้นอันดาลูเซีย ซึ่งยังคงรักษาถนนแคบๆ คดเคี้ยวแบบมวริชในยุคกลางไว้ ย่านนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับพระราชวังอัลฮัมบรา จากพระราชวังอัลฮัมบราสามารถมองเห็นทัศนียภาพทั้งหมดของย่านอัลบัยซีนได้อย่างชัดเจน จุดชมวิวซานนิโกลัสเป็นจุดที่สูงที่สุดในบริเวณนี้ และเป็นจุดที่ดีที่สุดในการชมวิวทั้งย่าน 3. มหาวิหารกรานาดาเป็นมหาวิหารคริสต์นิกายตะวันตกที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในคาบสมุทรไอบีเรีย และเป็นหนึ่งในมหาวิหารแรกๆ ที่สร้างขึ้นในดินแดนคาบสมุทร มหาวิหารกรานาดาสร้างขึ้นบนฐานของมัสยิดเดิม การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 1523 และแล้วเสร็จในปี 1704 แผนการเดิมคือการสร้างมหาวิหารแบบโกธิก แต่ในระหว่างการก่อสร้างได้เปลี่ยนเป็นสไตล์เรอเนสซองส์ ทุกก้อนอิฐและทุกรายละเอียดของมหาวิหารสะท้อนรอยประทับของสถาปัตยกรรมจากหลายยุคสมัย การตกแต่งมีรายละเอียดที่ละเอียดอ่อน และการผสมผสานกับกระจกสีนับว่าเป็นสิ่งที่น่าทึ่งยิ่ง 🛬 เคล็ดลับการท่องเที่ยว: หลายคนมาเที่ยวกรานาดาเพราะพระราชวังอัลฮัมบรา แต่ที่นี่มีมรดกทางวัฒนธรรมที่มากมายคุ้มค่าแก่การมาสำรวจ แนะนำให้พักค้างคืนที่กรานาดาหนึ่งคืน และสามารถเที่ยวเมืองอื่นๆ รอบๆ เช่น เซบีญ่า และรอนดาได้ด้วย 🧡 เคล็ดลับ: จองบัตรเข้าชมพระราชวังอัลฮัมบราล่วงหน้าเป็นสิ่งจำเป็น!