DATEVALUE

ฟังก์ชั่น DATEVALUE จะส่งค่ากลับมาเป็นค่าวันที่/เวลาของสตริงวันที่ที่กำหนดให้ ฟังก์ชั่นนี้ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อความเข้ากันได้กับแอปสเปรดชีตอื่นๆ

DATEVALUE(ข้อความวันที่)

ข้อความวันที่: สตริงวันที่ที่จะถูกแปลงหรือค่าวันที่/เวลา ถ้าข้อความวันที่เป็นวันที่ที่ไม่ถูกต้อง จะส่งค่ากลับมาเป็นข้อผิดพลาด

ตัวอย่างเช่น
ถ้าเซลล์ B1 ประกอบด้วยค่าวันที่/เวลา คือ 2 ส.ค. 1979 06:30 am และเซลล์ C1 ประกอบด้วย 16/10/2008 ที่ถูกจัดรูปแบบเป็นข้อความ: =DATEVALUE(B1) จะส่งค่ากลับมาเป็น 2 ส.ค. 1979 และจะถือว่าเป็นค่าวันที่หากถูกอ้างอิงในสูตรอื่นๆ ค่าที่ส่งกลับมาจะถูกจัดรูปแบบตามรูปแบบปัจจุบันของเซลล์ เซลล์ที่มีรูปแบบเป็นอัตโนมัติจะใช้รูปแบบวันที่ที่ระบุในการตั้งค่าภาษาและภูมิภาคของคุณ (ในการตั้งค่าระบบใน macOS 12 และก่อนหน้า การตั้งค่าระบบใน macOS 13 ขึ้นไป และการตั้งค่าใน iOS และ iPadOS) =DATEVALUE(C1) จะส่งค่ากลับมาเป็น 16 ต.ค. 2008 =DATEVALUE("29/12/1979") จะส่งค่ากลับมาเป็นวันที่ 29 ธ.ค. 1979

ตัวอย่างเช่น

ถ้าเซลล์ B1 ประกอบด้วยค่าวันที่/เวลา คือ 2 ส.ค. 1979 06:30 am และเซลล์ C1 ประกอบด้วย 16/10/2008 ที่ถูกจัดรูปแบบเป็นข้อความ:

=DATEVALUE(B1) จะส่งค่ากลับมาเป็น 2 ส.ค. 1979 และจะถือว่าเป็นค่าวันที่หากถูกอ้างอิงในสูตรอื่นๆ ค่าที่ส่งกลับมาจะถูกจัดรูปแบบตามรูปแบบปัจจุบันของเซลล์ เซลล์ที่มีรูปแบบเป็นอัตโนมัติจะใช้รูปแบบวันที่ที่ระบุในการตั้งค่าภาษาและภูมิภาคของคุณ (ในการตั้งค่าระบบใน macOS 12 และก่อนหน้า การตั้งค่าระบบใน macOS 13 ขึ้นไป และการตั้งค่าใน iOS และ iPadOS)

=DATEVALUE(C1) จะส่งค่ากลับมาเป็น 16 ต.ค. 2008

=DATEVALUE("29/12/1979") จะส่งค่ากลับมาเป็นวันที่ 29 ธ.ค. 1979

ดูเพิ่มเติมDATE TIME

เป็นประโยชน์ไหม

วิธีใช้สูตรและฟังก์ชั่น

DATEVALUE