เพราะการทำงานร่วมกับคนที่แตกต่างกันมักจะนำไปสู่ปัญหาต่างๆ มากมาย ⚠️ . 📌 งานที่ทำไม่มีประสิทธิภาพ ❌ ทำงานไม่เสร็จ, ล่าช้า หรือไม่ได้มาตรฐาน 📌 บรรยากาศการทำงานเป็นพิษ 😡 ไม่อยากพูดคุย 😶 ไม่อยากพบหน้า 🙅♂️ ไปจนถึงทะเลาะกันได้ง่าย 🤬 📌 เกิดความเบื่อหน่าย เซ็ง 😩 เกิดความเครียด ความโกรธ โมโห 😤 จนส่งผลต่อสุขภาพจิตใจ 🧠 . ยุติปัญหาเรื่อง ‘คน’ ซึ่งเป็นปัญหาหลักในการทำงานให้ราบคาบด้วยองค์ความรู้ที่อัพเดทตามหลักวิทยาศาสตร์และงานวิจัย 🧪 . มีแนวทางการฝึกฝนชุดทักษะที่สำคัญด้วย workshop 🛠️ เทคนิคการนำไปใช้งานจริงจากประสบการณ์ 📚 . และเครื่องมือการติดตามผลที่ออกแบบมาเป็นพิเศษโดย Team Learning Designer จาก Massive Momentum 🏆 . พบกับ Public Training หลักสูตรแรกจาก Massive Momentum... Unity in Diversity: The Art of Inclusive Collaboration 🌏 . โดย เจ้าพ่อด้าน Collaboration อันดับหนึ่งในประเทศไทย อ. เวย์ เวสารัช โทณผลิน Inclusive Leadership & Team Collaboration Facilitator 👥🤝 . งานนี้เหมาะกับใคร ✅ เจ้าของธุรกิจ และผู้บริหารที่ต้องการบริหารคนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ✅ HR ตั้งแต่ระดับ manager ขึ้นไปที่อยากติดอาวุธในการบริหารคน ✅ พนักงานทั่วไปที่กำลังปวดหัวกับการทำงานร่วมกับคนในทีม 🌀 หรือ ต่างทีมต่างแผนก 🏢 . สนใจสอบถามรายละเอียดและพูดคุยแพ๊คเกจที่เหมาะสมกับคุณได้แล้ววันนี้ที่... 📱 Line: @massivemomentum 📞 โทร 06-49323546 (คุณฟลุ๊ค), 095-1650745 (คุณดาว) . เพราะนี่คือการลงทุนด้านคนและทักษะในการทำงานร่วมกันที่คุ้มค่าที่สุด 💡 . อย่าปล่อยให้ปัญหาเรื่องคนทำให้ธุรกิจของคุณสูญเสียทั้งในระยะสั้นจากผลงานที่ขาดประสิทธิภาพ 🚨 และกัดกินวัฒนธรรมองค์กรของคุณในระยะยาว 🌱 ==== #leadershipskills #inclusiveleadership #teamcollaboration #teamwork #publictraining #peopledevelopment #MassiveMomentum #พัฒนาคนทั้งทีต้องมีโมเมนตัม
Massive Momentum Thailand
การฝึกอบรมและการฝึกสอนทางวิชาชีพ
Unleash Your Massive Momentum Through Our People Development Program
เกี่ยวกับเรา
A business dedicated to developing its workforce to lead the organization towards greater success amidst change and uncertainty. Our pendulum program is designed to help your team embrace the competencies that your organization needs while also enhancing critical skills to align with your strategic organizational culture. Our unique organizational development process is the result of intensive research into workforce development, combined with years of hands-on consultancy experience with numerous businesses. With our organizational development program, starting from mindset-level development, advancing to competency training, and culminating in the establishment of sustainable behaviors with measurable outcomes.
- เว็บไซต์
-
https://massivemomentum.co/
ลิงก์ภายนอกสำหรับ Massive Momentum Thailand
- อุตสาหกรรม
- การฝึกอบรมและการฝึกสอนทางวิชาชีพ
- ขนาดของบริษัท
- พนักงาน 11-50 คน
- สำนักงานใหญ่
- Bangkok
- ประเภท
- ห้างหุ้นส่วน
- ก่อตั้งเมื่อ
- 2023
ตำแหน่งที่ตั้ง
-
หลัก
Bangkok, TH
พนักงานที่ Massive Momentum Thailand
อัพเดท
-
ผู้บริหารที่มารับคำปรึกษาจากเราล้วนมีงานที่หนักและมีความรับผิดชอบสูงที่สร้างความเครียดมากมายให้แก่พวกเขา 😓 ในขณะที่คู่สมรสหรือแฟนของพวกเขาก็มีอาชีพที่เรียกร้องพลังงานในระดับเดียวกัน . ซึ่งหนึ่งในประสบการณ์ที่ท้าทายที่สุดในแต่ละวันของพวกเขาไม่ได้เกิดขึ้นที่ทำงาน แต่เกิดขึ้นในช่วง 15 นาทีแรกหลังจากที่พวกเขากลับถึงบ้านและพบเจอหน้ากัน 🏠 . ถ้าการพบกันหลังเลิกงานเป็นไปด้วยดีจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกถึงความห่วงใยและความเข้าอกเข้าใจที่ช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายและรู้สึกพร้อมรับมือในวันต่อไป 🥰 . แต่หลายคู่กลับพบว่าสถานการณ์กลับแย่ลงซึ่งจะได้สร้างความหงุดหงิดและผิดหวังที่มักจะทำให้บรรยากาศตลอดช่วงกลางคืนนั้นเสียไป (และอาจยาวไปถึงตอนเช้าอีกวัน) 😤 มีหลายปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์นี้เป็นเรื่องยากที่คู่รักส่วนใหญ่จะจัดการ . ความต้องการที่แตกต่างกัน: ทั้งสองฝ่ายมักจะอยู่ในสภาวะทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน พร้อมกับชุดความต้องการส่วนตัวที่ไม่เหมือนกัน 🤔 แม้ว่าสิ่งนี้จะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ชัดเจน แต่น่าแปลกใจที่คู่รักส่วนใหญ่กลับลืมเรื่องนี้เมื่อก้าวเข้าประตูบ้าน . สถานการณ์ที่พบบ่อยคือคนหนึ่งกลับบ้านหลังจากวันที่ยากลำบากและต้องการความเงียบสงบก่อนที่จะพูดคุยกัน 🤫 แต่กลับต้องไปเจอคู่ครองที่กลับบ้านก่อน (หรืออยู่บ้านทั้งวัน) ซึ่งกระตือรือร้นที่จะพูดคุยด้วย 🗣️ . แม้ว่าทั้งคู่จะกลับบ้านพร้อมกัน แต่พวกเขาก็มีประสบการณ์ที่แตกต่างกันมากในระหว่างวัน - คนหนึ่งอาจเจอความขัดแย้งมากมายและการเดินทางกลับบ้านที่เลวร้าย 😫 ในขณะที่อีกคนอาจจะประสบความสำเร็จต่อเนื่องและเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข 😊 ** อ่านต่อในคอมเม้นต์ ** #Emotionalintelligence #Wellbeing #LeadershipMindset #LeadershipSkills #MassiveMomentum
-
5126 ✨ คือ จำนวนตัวเลขความผิดพลาดล้มเหลวที่ John Dyson มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งแบรนด์ Dyson เคยทำไว้ หลังจากที่เขาพยายามสร้างเครื่องดูดฝุ่นไร้ถุงครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องราวของ Dyson คือการส่งต่อแรงบันดาลใจของความคิดสร้างสรรค์และความพยายามจาก Thomas Alva Edison ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟที่เคยกล่าวคำคมบาดใจไว้ว่า 💡 “ผมไม่ได้ล้มเหลว ผมแค่ค้นพบ 10,000 วิธีที่ใช้ไม่ได้เท่านั้น” . 🌾 นับตั้งแต่ยุคเกษตรกรรม มาถึงยุคดิจิทัลใหม่ 🌐 ไม่มียุคสมัยไหนที่เรียกร้องต้องการ ‘นวัตกรรม (Innovation)’ อย่างบ้าคลั่งเท่ากับยุคนี้อีกแล้ว เราต่างรู้ดีว่า innovation คือหนทางสำคัญที่ทำให้เราอยู่รอด และเติบโตอย่างยั่งยืน 🚀 . องค์กรส่วนใหญ่จึงเรียกร้องความคิดสร้างสรรค์ (เพราะมันนำไปสู่นวัตกรรม) 💡 แต่กลับลงโทษคนที่ล้มเหลวจากการทดลองสิ่งใหม่ ❌ นี่คือปรากฏการณ์ย้อนแย้งที่สะท้อนถึงปัญหาที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมองค์กรจำนวนมาก 🏢 . 📖 ในหนังสือ "Creativity, Inc." โดย Ed Catmull ผู้ร่วมก่อตั้ง Pixar เขาได้เน้นย้ำว่าการสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์นั้นต้องเริ่มจากการยอมรับความล้มเหลวว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างสรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องลงโทษ . 📊 งานวิจัยจาก Harvard Business School ยังชี้ให้เห็นว่าบริษัทที่มีวัฒนธรรมเปิดกว้างต่อความล้มเหลวมีแนวโน้มที่จะสร้างนวัตกรรมได้มากกว่าและมีผลประกอบการที่ดีกว่าในระยะยาว 📈 . คำถามสำคัญคือ ❓ "เราจะสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และยอมรับความล้มเหลวได้อย่างไร" จากประสบการณ์ของผมในฐานะผู้บริหารและที่ปรึกษาให้กับหลายองค์กร 🧑💼 ผมขอแบ่งปันแนวทางดังนี้: . 1️⃣ ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อความล้มเหลวโดยมองว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้ 📚 ไม่ใช่สิ่งที่ต้องลงโทษ 2️⃣ สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการทดลอง 🛡️ โดยกำหนดงบประมาณและเวลาสำหรับโครงการนวัตกรรมให้ชัดเจน 3️⃣ จัดให้มีการแบ่งปันบทเรียนจากความล้มเหลวอย่างสม่ำเสมอ 💬 เพื่อสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ 4️⃣ ให้รางวัลกับความกล้าเสี่ยงและความพยายาม 🏆 ไม่ใช่แค่กับผลลัพธ์สุดท้าย 5️⃣ ฝึกอบรมผู้บริหารให้เข้าใจถึงความสำคัญของการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ 🎓 . การสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริงไม่ใช่เรื่องง่าย ❌ แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการเติบโตและสร้างนวัตกรรมในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 🌍 . สิ่งที่ผมอยากเน้นย้ำคือ ✨ ความล้มเหลวไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัว ตราบใดที่เราจำกัดวงความเสียหายและได้เรียนรู้จากมัน 📈 ความล้มเหลวคือก้าวสำคัญบนเส้นทางสู่ความสำเร็จ 🏅 องค์กรที่เข้าใจและยอมรับความจริงข้อนี้จะเป็นองค์กรที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว 🌱 . และถ้าผู้บริหารของคุณยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ ❓ ให้คุณเขียนตัวเลข 5126 ตัวโตๆ ติดไว้ที่ตำแหน่งที่พวกเราทุกคนเห็นได้ง่ายที่สุด 👀 แล้วถามพวกเขาว่า... “จะให้เราเสี่ยงทดลองสิ่งใหม่ 🔬 หรือจะเอาเลขนี้ไปเสี่ยงกับการซื้อหวยใต้ดินดี” 🎰 ....... #creativity #creativethinking #cretivethinkingforinnovation #MassiveMomentum #พัฒนาคนทั้งทีต้องมีโมเมนตัม
-
📊 การบริหารการเปลี่ยนแปลงคือกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อน ROI ในโครงการที่เน้นข้อมูลเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในยุคที่ธุรกิจต้องพึ่งพาข้อมูลและการวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจ . 👥 การยอมรับของพนักงานมีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่พวกเขามักกังวลว่างานจะถูกกระทบหรือภาระงานจะเพิ่มขึ้น Beth Montag-Schmaltz และ Erin Daly ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงจาก West Monroe ได้แบ่งปัน 6 วิธีในการนำพาพนักงานผ่านการเปลี่ยนแปลง: . 1. เข้าใจการต่อต้านตามธรรมชาติของพนักงาน 🧠 การปรับตัวไม่ได้เกิดขึ้นทันที เพราะสมองถูกกำหนดมาให้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง อะมิกดาลา (ส่วนที่ควบคุมอารมณ์) จะตอบสนองก่อนส่วนที่ใช้เหตุผล ทำให้เราเริ่มจากการไม่รู้ ผ่านการมองโลกในแง่ดีแบบไม่มีข้อมูล จนถึง "หุบเขาแห่งความสิ้นหวัง" เมื่อการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้น อะมิกดาลาจะเปลี่ยนเป็นโหมดป้องกันตัวแบบสู้หรือหนี พนักงานอาจรู้สึกเครียดหรือไม่สบายใจ ความสามารถในการคิดอย่างมีเหตุผลลดลง . ในที่สุด เส้นโค้งก็สามารถพุ่งขึ้นไปสู่ความสงสัย การทดสอบและการสำรวจ และในที่สุดก็เป็นการยอมรับและความเชี่ยวชาญ . 2. ตระหนักว่าอารมณ์ติดต่อกันได้ 🤝 ผู้นำควรแสดงความกระตือรือร้นและความตื่นเต้นเพราะอารมณ์สามารถส่งต่อได้ การสนทนาที่เป็นบวกและมุ่งเน้นการแก้ปัญหาจะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงเป็นที่ยอมรับมากขึ้น . สมองอาศัยสัญญาณภายนอกและการเชื่อมต่อจากผู้อื่นเพื่อกำหนดอารมณ์ของบุคคล การสนทนาที่เป็นบวกและมุ่งเน้นการแก้ปัญหาทำให้การเปลี่ยนแปลงเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ที่จริงแล้ว ภายในสองชั่วโมงของการอยู่กับผู้อื่นในสภาพจิตใจที่คล้ายกัน การเต้นของหัวใจจะซิงค์กันและผู้คนจะแบ่งปันอารมณ์ของคนที่แสดงอารมณ์มากที่สุดในห้อง: ในกรณีนี้ ในอุดมคติคือผู้จัดการการเปลี่ยนแปลง . 3. แบ่งบทบาทให้ชัดเจน 📋 • 👔 ผู้บริหารระดับสูง: กำหนดกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ • 👥 ผู้จัดการระดับกลาง: สร้างความเข้าใจและจัดการความกังวล • 👤 หัวหน้างาน: ดูแลผลกระทบและการสนับสนุนที่ทีมต้องการ **อ่านต่อในคอมเม้นต์** ===== #Changemanagement #Changeagent #Leadershipmindset #MassiveMomentum
-
👥 ถ้าคุณคือ 'นักขาย' คุณจะได้พบกับคนหลากหลายรูปแบบ เจ้าของบริษัทเป็นบุคคลที่มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนใคร . แต่คนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้มีรูปแบบเดียวเหมือนกันทั้งหมด นี่คือเหตุผลที่ทำให้การขายให้เจ้าของบริษัทต้องใช้วิธีการที่ละเอียดอ่อนกว่าการขายให้กับคนกลุ่มอื่นๆ . 💼 แต่หลายครั้งเจ้าของบริษัทคือผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายในกระบวนการซื้อของพวกเขา . ในบางโอกาสการทำงานตรงกับเจ้าของบริษัทจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการก้าวข้ามความวุ่นวายและขายตรงถึงคนที่จะเป็นผู้จ่ายเงินให้คุณ . 🤝 เชื่อผมเถอะ เพราะผมเองก็เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเช่นกัน ผมก่อตั้งบริษัทฝึกอบรม และได้เห็นกระบวนการขายของสุดยอดนักขายจำนวนมากที่ใช้เทคนิคในการปิดการขายกับผม ผู้ซึ่งไม่มีวันยอมจ่ายเงินให้กับอะไรง่ายๆ ได้สำเร็จ . 🤗 แต่ผมก็ยอมรับว่า การขายให้กับเจ้าของบริษัทนั้นง่ายกว่ามากๆ ถ้าตัวคุณเองก็เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเช่นกัน เพราะในทางจิตวิทยาจะมีความรู้สึกของความเป็นเพื่อนร่วมงานและความเข้าใจกันและกันที่มีอยู่ในความสัมพันธ์นี้ . 💪 แต่สำหรับพนักงานขายที่ไม่ใช่ผู้ก่อตั้งบริษัทก็ไม่ต้องกังวล ยังมีวิธีที่คุณสามารถสร้างความไว้วางใจในระดับนี้กับเจ้าของบริษัทได้ และมันจะทำให้คุณปิดการขายที่มีมูลค่าสูงได้มากขึ้น . 📝 ผมจะแนะนำวิธีการสื่อสารและการขายให้กับเจ้าของบริษัท เคล็ดลับต่อไปนี้สามารถช่วยคุณในการติดต่อลูกค้าใหม่ การสื่อสารทางอีเมล และการโทรคุยกับเจ้าของบริษัทในสายแรกๆ ได้ . 🌟 เคล็ดลับสำหรับการขายให้กับเจ้าของบริษัท: 1. 🔄 สะท้อนรูปแบบการเขียนของพวกเขา: เจ้าของบริษัทจำนวนมากอาจจะละเลยความเป็นทางการในอีเมลของพวกเขา พวกเขามักจะไม่ใช้การเกริ่นนำหรือปิดท้ายอีเมลแบบยาวๆ . ✍️ ลองเขียนอีเมลให้สั้น กระชับ แน่นอนว่าการส่งอีเมลถึงเจ้าของบริษัทด้วยรูปแบบที่ไม่เป็นทางการไปเลยนั้นมีความเสี่ยง . ฉะนั้นจงทำให้ภาษาทางการของคุณสั้นกระชับมากขึ้นซึ่งจะทำให้คุณโดดเด่นจากผู้ขายที่ยึดติดภาษาทางการซึ่งดูเหมือนหุ่นยนต์ . 2. 👥 ใช้เจ้าของบริษัทเพื่อการแนะนำ: หลายครั้งที่คนที่คุณควรคุยด้วยมักจะไม่ใช่เจ้าของบริษัท แต่อาจจะเป็นหัวหน้าทีมคนใดคนหนึ่ง . เมื่อส่งอีเมลถึงเจ้าของบริษัท ให้ถามว่ามีคนที่เหมาะสมในทีมที่คุณควรคุยเกี่ยวกับ Solution ของคุณที่จะมาช่วยแก้ปัญหาให้ธุรกิจของเขาหรือไม่ . 3. ⏰ เลือกเวลาส่งอีเมลที่ไม่ธรรมดา: ลองส่งอีเมลในช่วงสุดสัปดาห์หรือหลังเวลาทำงาน เจ้าของธุรกิจมักจะเป็นคนที่ยุ่งมากและมักทำงานจนดึกและจะทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ . หากอีเมลของคุณปรากฏในกล่องจดหมายของพวกเขาในช่วงเวลาที่พวกเขามักจะว่างกว่าเวลาทั่วไป อีเมลของคุณจะมีโอกาสได้รับการตอบกลับมากขึ้น ** อ่านต่อในคอมเม้นต์ ** #Saleskills #Consultativeselling #MassiveMomentum
-
🤔 ทำไมพนักงานขายส่วนใหญ่ถึงเกลียดการโทรหาลูกค้ารายใหม่หรือการ Cold Call? . ❓ คำตอบก็คือ ไม่มีใครชอบการถูกปฏิเสธ ไม่มีใครชอบถูกขอให้คุยในเรื่องที่เขาไม่ค่อยรู้ หรือไม่ได้เตรียมตัวมา และลูกค้าบางรายถึงกับมองว่าการโทรหาลูกค้าใหม่ของพนักงานขายเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของพวกเขา . แต่การโทรหาลูกค้าใหม่ก็ยังคงมีความสำคัญในการสร้างยอดขาย และบทความนี้จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการทำสิ่งนี้ . 📱 การโทรหาลูกค้าใหม่ (Cold Call) คืออะไร? มันเป็นกิจกรรมที่พนักงานขายติดต่อลูกค้าที่มีศักยภาพซึ่งยังไม่เคยแสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เขาจะนำเสนอมาก่อน ซึ่งเป็นการติดต่อผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โทรศัพท์ อีเมล หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ . แต่นักขายที่ประสบความสำเร็จได้พัฒนาการโทรหาลูกค้าใหม่ให้เป็นเครื่องมือการขายที่มีเป้าหมายชัดเจน โดยคัดกรองรายชื่อลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อมากที่สุดขึ้นมาก่อน . และต่อไปนี้คือ 9 เทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้การ Cold Call ของคุณประสบความสำเร็จมากขึ้น: . 1️) ยอมรับการถูกปฏิเสธ: . อย่าหนีมัน เพราะการถูกปฏิเสธเป็นส่วนสำคัญของการขาย ในประวัติศาสตร์การขายยังไม่เคยมีนักขายคนใดปิดการขายได้ 100% มาก่อน . วิธีเอาชนะความกลัวการถูกปฏิเสธ: . หมั่นเตือนตัวเองว่าการขาย คือ กระบวนการช่วยให้ Solution ที่ช่วยคนอื่นอยู่ . ถ้าเจอลูกค้าที่ปฏิเสธแบบสุภาพ ให้คุณถามเหตุผลจากเขาเพื่อเป็นการเรียนรู้ . ฝึกรับมือการปฏิเสธกับเพื่อนร่วมงาน โดยให้เพื่อนสวมบทบาทพูดปฏิเสธเมื่อเราเสนอบางอย่าง . 2️) ตั้งเป้าที่การเรียนรู้ ไม่ใช่ยอดขายในครั้งแรกๆ . เริ่มด้วยสคริปต์ที่คุณเขียนเองโดยอย่าเพิ่งหลุดจากสคริปต์นั้น . ในการคุยแต่ละครั้งให้หาจุดที่คุณมักถูกปฏิเสธและปรับปรุงสคริปต์ตรงจุดนั้น . บันทึกคำตอบ คำถามของลูกค้าแล้ววิเคราะห์การโทรแต่ละครั้ง . 3️) ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ซึ่งเครื่องมือที่แนะนำได้แก่: . ConnectAndSell – บริการเชื่อมต่อสายอัตโนมัติเพื่อลดขั้นตอนรอสายที่คุณไม่ชอบ . Outreach - บริการจัดระบบแต่ละรายชื่อลูกค้า . DiscoverOrg – บริการให้ข้อมูลปัจจัยที่เพิ่มอัตราการซื้อแก่คุณ . 4️) สร้างรายชื่อลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน: . - ลักษณะบริษัทที่ควรมองหา: 🏢 อุตสาหกรรม 📊 ขนาด (รายได้, จำนวนพนักงาน, จำนวนสาขา) 🌎 ภูมิศาสตร์ 💻 เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง . - ลักษณะผู้ติดต่อที่ควรมองหา: 👔 บทบาท/ตำแหน่ง 🛠️ เครื่องมือที่ใช้ในการทำงาน 👥 รายงานต่อใคร 👥 ใครรายงานต่อพวกเขา . **อ่านต่อในคอมเม้นต์** ====== #Consultativeselling #Saleskills #MassiveMomentum
-
การเป็นผู้นำไม่ใช่แค่ตำแหน่ง แต่เป็นความรับผิดชอบที่จะสร้างอนาคตที่ดีและยั่งยืนสำหรับทุกคน ✨ ในช่วงเวลาที่พวกเรากำลังก้าวเข้าสู่ปี 2025 สิ่งที่แยกผู้นำที่ยิ่งใหญ่ออกจากผู้นำทั่วๆ ไปไม่ใช่แค่ความสามารถในการบริหารจัดการ แต่เป็นวิสัยทัศน์ในการสร้างวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยจุดประสงค์ของการเกิดขึ้น (ตัวคุณเอง และธุรกิจ) 🎯 . Adrian Gostick ที่ปรึกษาธุรกิจระดับโลก และนักเขียน New York Times Bestseller หลายเล่ม 📚 ได้ทำการค้นคว้า และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ 'เทรนด์สำคัญ' ที่ผู้นำทั่วโลกจำเป็นต้องรู้และก้าวตามให้ทัน โดย Adrian ได้เขียนบทความในชื่อ 3 Top Leadership Trends Shaping 2025 เผยแพร่ใน Forbes Online ซึ่งเราได้สรุปเนื้อหาสำคัญมาให้คุณ ดังนี้ . เทรนด์ที่ 1: เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยี 🚀 ทำไมเราต้องผสานเทคโนโลยีเข้ากับการทำงาน คำตอบไม่ใช่เพียงเพื่อประสิทธิภาพ แต่เพื่อปลดปล่อยศักยภาพมนุษย์ เพราะ AI ไม่ใช่เครื่องมือแทนที่มนุษย์ แต่เป็นพันธมิตรที่จะช่วยให้คุณมุ่งเน้นที่สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด นั่นคือการสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายต่อลูกค้าและคนในองค์กร 🤝 . เทรนด์ที่ 2: ใส่ใจเรื่องสุขภาวะและพื้นที่ปลอดภัย 💖 ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ผู้นำที่ยิ่งใหญ่เข้าใจว่าความสำเร็จขององค์กรเริ่มต้นจากภายใน การสร้างสภาพแวดล้อมที่พนักงานรู้สึกปลอดภัยทางอารมณ์ไม่ใช่แค่งานของ HR แต่เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ 🌟 เมื่อผู้คนรู้สึกได้รับการดูแลใส่ใจ และมีสุขภาวะทางใจที่ดี พวกเขาจะทุ่มเทพลังให้กับนวัตกรรมและการเติบโต แทนที่จะสูญเสียพลังไปกับความกังวล ความกลัว ความเครียด ความโกรธ และความรู้สึกไม่มั่นคง 🙏 . เทรนด์ที่ 3: นำด้วยความคล่องตัวและจุดประสงค์ในการเกิดมา ⚡ ความคล่องตัวไม่ใช่แค่ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงหรือปรับตัวอย่างรวดเร็ว แต่เป็นความสามารถในการรักษาทิศทางที่ชัดเจนท่ามกลางความวุ่นวาย ผู้นำที่ยิ่งใหญ่เข้าใจว่า "อย่างไร" และ "อะไร" อาจจะเปลี่ยนแปลงได้เสมอ แต่ "ทำไม" หรือจุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์กรต้องชัดเจนและคงที่ นี่คือเข็มทิศที่จะนำทางทีมของคุณผ่านการเปลี่ยนแปลงและความท้าทาย 🧭 . เริ่มต้นด้วยคำถามที่มอบให้ตัวเอง 🤔 การเป็นผู้นำในปี 2025 ไม่ใช่เรื่องของการตามทัน แต่เป็นเรื่องของการมองไปข้างหน้าและสร้างอนาคตที่เราต้องการ เมื่อเข้าใจเทรนด์ทั้ง 3 ข้อนี้แล้วนี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะถามตัวเองว่า: · เราจะใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับ ไม่ใช่แทนที่ มนุษย์ได้อย่างไร 💡 · เราจะสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมทั้งการเติบโตทางธุรกิจและสุขภาวะทางใจได้อย่างไร 🌱 · เราต้องการระบบการทำงานแบบไหนที่จะทำให้กระบวนการทำงานคล่องตัวที่สุด ⚙️ . ความสำเร็จของผู้นำในปี 2025 จะไม่ถูกวัดด้วยตัวเลขทางการเงินแต่เพียงอย่างเดียว แต่มันต้องถูกวัดผลจากผลกระทบที่ยั่งยืนที่ผู้นำสร้างขึ้น 📊: . เพราะในที่สุด ภาวะผู้นำไม่ใช่เรื่องของอำนาจหรือการควบคุม แต่เป็นเรื่องของการสร้างพื้นที่ให้ผู้อื่นเติบโตและประสบความสำเร็จ 🌱 ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี สุขภาวะที่ดีทั้งทางกายและจิตใจ การทำงานที่คล่องตัวและจุดประสงค์ที่ชัดเจนทั้งหมดนี้คือเข็มทิศที่นำทางสังคมโลกไปสู่อนาคตที่ดีกว่าได้อย่างแน่นอน 🎯 ===== Source: https://lnkd.in/eMgKKSM4 #Leadershiptrend #MassieMomentum
-
🤔 อะไรคือเส้นบางๆ ระหว่างการคิดฟุ้งซ่าน เพ้อเจ้อ กับ การมีความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถต่อยอดสู่นวัตกรรมในองค์กรได้ . 💡 คำตอบคือ คำว่า "มีคุณค่า" และ "เป็นประโยชน์" ต่อผู้อื่น หรือ ต่อสังคมโดยรวม . 🎯 เพราะถ้าคิดอะไรแปลกใหม่แต่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นเลย ก็ไม่ต่างอะไรกับการคิดฟุ้งซ่านเพื่อความสนุกสนานส่วนตัวไปวันๆ . ✨ หัวใจสำคัญที่ทำให้ทีมของคุณเข้าใจคำว่า "ควา่มคิดสร้างสรรค์" อยู่ในรายการ Workplace Mastery ตอนนี้แล้ว ===== . 📺 ติดตามชมรายการ Workplace Mastery รายการเต็มได้ทาง YouTube: Massive Momentum . 🔔 อย่าลืมกด Subscribe 👍 กด Like ↗️ กด Share ไปให้เพื่อนของคุณ 🌍 เพื่อสร้างโมเมนตัมร่วมกัน #Innovation #WorkplaceCulture #องค์กรยุคใหม่ #Creativity #MassiveMomentum
-
เสตซี่ ซีอีโอขององค์กรไม่แสวงหากำไรด้านประสิทธิภาพพลังงาน ต้องการเสริมความแข็งแกร่งให้ทีมผู้นำด้วยการสร้างตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) การจ้างงานสองครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ เพราะทั้งคู่อยู่ในตำแหน่งไม่ถึงหนึ่งปี . 🤔 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะก้าวต่อไป เสตซี่ขอให้จอร์แดน หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลสรรหาบุคลากรอีกครั้งสำหรับตำแหน่ง COO ที่ยังว่างอยู่ อย่างไรก็ตาม เธอกังวลว่าจะไม่ไว้วางใจผู้สมัครที่จอร์แดนหามาเพราะเขาเป็นคนที่หาผู้สมัครสองคนก่อนหน้านี้ที่ออกไปภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี . 🗣️ เมื่อเสตซี่มาปรึกษาผมในฐานะโค้ชผู้บริหาร ผมถามเธอทันทีว่าเธอได้คิดทบทวนกระบวนการจ้างงานอย่างไรหลังจากความล้มเหลวสองครั้ง คำตอบของเธอก็คือ “ฉันไม่ได้คิดใหม่เลย” . 💭 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวว่า “ความบ้าคือการทำสิ่งเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยหวังผลลัพธ์ที่ต่างไปจากเดิม” สิ่งที่ผมเห็นมาจากลูกค้าหลายรายก็คือ เรามักมีพฤติกรรมเช่นนี้บ่อยกว่าที่เรายอมรับ ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการมีประสิทธิภาพและความเคยชินกับวิธีคิดแบบเดิม . 📝 เพื่อนำบทเรียนจากอดีตมาปรับปรุงการตัดสินใจในปัจจุบัน ผมแนะนำให้ถามคำถามเพื่อช่วยในการเรียนรู้จากความผิดพลาดต่อไปนี้: . ❓ 1. การตัดสินใจที่คุณกำลังเผชิญคืออะไร: ขั้นตอนแรกคือทำความเข้าใจปัญหาให้ชัดเจน ในกรณีของเสตซี่ เธอเริ่มกำหนดปัญหาว่าแท้จริงแล้วเธอต้องการคนที่เหมาะสมมารับตำแหน่ง COO แต่นี่เป็นเพียงความหวัง ไม่ใช่การระบุปัญหาที่แท้จริง . 🎯 เมื่อมองลึกลงไป เสตซี่เริ่มเห็นว่าปัญหาจริงๆ คือ "ฉันต้องปรับปรุงกระบวนการสรรหาและจ้างงานอย่างไรเพื่อให้ได้คนที่เหมาะสมกับบทบาทและองค์กรในระยะยาวนั่นเอง” . ❓ 2. อะไรที่ทำให้คุณกังวล และคุณมักแก้ปัญหาอย่างไร?: 😟 จากประสบการณ์จ้างงานที่ล้มเหลวสองครั้ง เสตซี่กังวลว่าจะไม่ได้ผู้สมัครที่เหมาะสมถ้าเปิดกว้างในการรับสมัคร เธอจึงคิดจะจำกัดเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์ตรงเท่านั้น . ❓ 3. ในอดีตที่ผ่านมาอะไรบ้างที่ไม่เป็นไปตามต้องการและเพราะอะไร: 📊 เสตซี่วิเคราะห์ว่าการจ้างครั้งแรกล้มเหลวเพราะผู้สมัครไม่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมและไม่พยายามเรียนรู้ ส่วนครั้งที่สองล้มเหลวเพราะปัญหาการสื่อสารที่ไม่ดี ** อ่านต่อในคอมเม้นต์ ** ===== Massive Momentum 🚀 เข้าใจความสำคัญของการพัฒนาบุคลากร 👥 ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงองค์กร 🔄 . ด้วยการวิจัยทางประสาทวิทยา 🧠 จิตวิทยา 💭 และพฤติกรรมศาสตร์ 🔬 เราได้พัฒนาโมเดลการเรียนรู้เฉพาะตัวที่เรียกว่า IAM Model 🌟 . โมเดลนี้มุ่งเน้นการสร้าง Momentum ในการพัฒนาบุคลากร 📈 ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กรของคุณ 🎯 . สนใจรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมการพัฒนาบุคลากรของเรา 📚 ติดต่อ: 👩💼 คุณดาว (Program Manager): 095-165-0745 👨💼 คุณฟลุ๊ค (Training Advisor) : 064-932-3546
-
😫 ในอดีตฉันเป็นเด็กที่เกลียดคณิตศาสตร์อย่างที่สุด ฉันสอบตกในทุกวิชาคณิตศาสตร์ที่ถูกบังคับให้เรียน สำหรับฉัน การจบมัธยมปลายเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเพราะว่าฉันจะไม่ต้องแตะหนังสือคณิตศาสตร์อีก . คณิตศาสตร์ไม่เพียงแต่น่าเบื่อสำหรับฉัน แต่ยังไม่มีประโยชน์และน่าหงุดหงิดอย่างมหาศาลเช่นเดียวกับเทคโนโลยี . 😲 ถ้าบอกตัวเองในวัยเด็กว่าสักวันฉันจะกลายเป็นศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมศาสตร์ ผู้หลงใหลในคณิตศาสตร์และรู้สึกสบายใจกับโลกเทคโนโลยี เด็กคนนั้นคงจะช็อกมาก . 🔍 แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวและการวิจัย ฉันค้นพบว่าเราทุกคนสามารถเรียนรู้ที่จะชอบ หรือแม้กระทั่งหลงรัก เรื่องที่ดูน่าเบื่อหรือที่เคยเกลียดได้ เพราะในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ความสามารถในการสร้างความหลงใหลใหม่ๆ มีความสำคัญมาก และต่อไปนี้คือเทคนิคในการพัฒนาความหลงใหลขึ้นมา . 1️⃣ ค้นหาเมล็ดพันธุ์แห่งแรงจูงใจ: 🌱 ขั้นตอนแรกในการสร้างความหลงใหลในเรื่องที่คุณไม่ชอบคือการระบุเหตุผลในการเรียนรู้ หนึ่งในแรงจูงใจที่ดีที่สุดคือความต้องการพัฒนาชีวิตของคุณเอง . คุณสามารถเปรียบเทียบความคิดระหว่างสถานะที่คุณเป็นตอนนี้ (เช่น ผู้ช่วยสำนักงาน) กับสถานะที่คุณต้องการจะเป็น (เช่น ทนายความผู้เชี่ยวชาญ) ได้ . 2️⃣ เอาชนะความเจ็บปวดในสมอง: 🧠 เมื่อเราคิดถึงสิ่งที่เราไม่ชอบหรือไม่ต้องการ มันจะกระตุ้นส่วนของสมองที่เรียกว่า bilateral dorsal posterior insula ซึ่งเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ความเจ็บปวดของเรา . หมายความว่า ถ้าคุณไม่ชอบคณิตศาสตร์ แล้วคิดถึงคณิตศาสตร์ มันจะกระตุ้นให้คุณรู้สึกเจ็บปวดทางกายภาพได้จริงๆ และนั่นทำให้สมองของคุณเบนความสนใจไปจากสิ่งนั้น นั่นคือเหตุผลที่ทำให้คุณผัดวันประกันพรุ่ง ** อ่านต่อในคอมเม้นต์** #Productivity #Deepwork #Leadershipskills #MassiveMomentum